กระจกรถแตกเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นจากอุบัติเหตุหรือความไม่ระมัดระวัง การดูแลรักษากระจกที่เสียหายนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะกระจกมีบทบาทสำคัญในการปกป้องความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของรอยแตก วิธีการซ่อมแซม และเมื่อไหร่ที่ต้องเปลี่ยนกระจกใหม่
รอยแตกที่ซ่อมได้
รอยแตกกะเทาะ (Bullseye) มีลักษณะเป็นวงกลม เกิดจากแรงกระแทก เช่น หินกระเด็นใส่ หากมีขนาดไม่เกินเหรียญ 10 บาท สามารถซ่อมได้ง่าย
รอยร้าวแตกดาว (Star Break) คล้ายดวงดาว เกิดจากแรงกระแทกเบาๆ ซ่อมได้ถ้าขนาดไม่เกินเหรียญ 10 บาท
รอยร้าวเส้นเล็ก (Chip) เป็นรอยขีดข่วนขนาดเล็ก ยาวไม่เกิน 1 นิ้ว และไม่อยู่ที่ขอบกระจก สามารถซ่อมได้
วิธีการซ่อมรอยแตก
ทำความสะอาด ขจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกออกจากบริเวณรอยแตกอย่างละเอียด
อุดรอยแตก ใช้เรซิ่นพิเศษที่มีคุณสมบัติยึดเกาะสูงอัดลงในรอยแตก
ฉายแสงยูวี เร่งการแข็งตัวของเรซิ่น ทำให้รอยแตกปิดสนิท
ขัดแต่งผิวกระจก ปรับแต่งให้ผิวกระจกเรียบเนียนเหมือนเดิม
เมื่อไหร่ต้องเปลี่ยนกระจกใหม่
- รอยแตกแบบร้าวเป็นเส้นยาว ยาวเกิน 1 ฟุต หรืออยู่ที่ขอบกระจก
- รอยแตกแบบแตกเป็นวงกว้าง มีรอยแตกหลายประเภทรวมกัน
- รอยแตกบริเวณขอบกระจก แม้เป็นรอยเล็กก็มีผลต่อโครงสร้างความแข็งแรง
- กระจกมีรอยร้าวหลายจุด อาจทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง
ทำไมต้องเปลี่ยนกระจก
เพื่อความปลอดภัยสูงสุด รอยแตกขนาดใหญ่อาจทำให้กระจกแตกง่ายขึ้น
รักษาประสิทธิภาพการใช้งาน ป้องกันการบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่
คงความสวยงาม บางรอยแตกไม่สามารถซ่อมให้เหมือนเดิมได้
การตัดสินใจซ่อมหรือเปลี่ยนกระจกรถควรพิจารณาจากประเภท ขนาด และตำแหน่งของรอยแตก หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ เลือกใช้บริการจากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือและใช้วัสดุคุณภาพดี เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งานของกระจกรถยนต์ของคุณ
การดูแลรักษากระจกรถอย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย อย่าละเลยแม้เป็นรอยแตกเล็กน้อย เพราะอาจลุกลามเป็นปัญหาใหญ่ได้ในอนาคต