เมื่อพูดถึงอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นที่รู้กันว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์เหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และหนึ่งในความเสียหายที่พบบ่อยคือ “กระจกรถยนต์แตก” ซึ่งสร้างความกังวลใจให้กับผู้ขับขี่แน่นอน ไม่เพียงแต่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม แต่ยังมีความยุ่งยากในการดำเนินการและการรอคอยผลการเคลมประกันที่อาจทำให้รู้สึกเครียดได้
หลายคนจึงสงสัยว่า “ประกันรถยนต์” ที่ถือครองจะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระในส่วนนี้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะ “ประกันชั้น 1” ที่มีชื่อเสียงในด้านการคุ้มครองอย่างครอบคลุม และ “ประกัน 2+” ที่มีความคุ้มครองเฉพาะเจาะจง บทความนี้ ร้านกระจกรถยนต์ชลบุรี ขจรเจริญกลการ จะพาไปหาคำตอบเพื่อให้คุณได้เข้าใจเกี่ยวกับ “ความคุ้มครองกระจกรถยนต์แตก” ของประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท
ประกันชั้น 1: อุ่นใจ คุ้มครองครอบคลุม
ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นที่รู้จักกันดีในด้านความคุ้มครองที่มีความครอบคลุมสูง โดยทั่วไปแล้วจะครอบคลุมความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์จากอุบัติเหตุทุกกรณี เช่น การชนกับรถยนต์อื่น การเฉี่ยวชน การคว่ำ รถหาย ไฟไหม้ หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ที่เกิดจากภัยธรรมชาติ รวมถึงความเสียหายที่เกิดจาก “กระจกรถยนต์แตก”
ไม่ว่ากระจกจะแตกเพราะสาเหตุใด เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนน การถูกสิ่งของหล่นใส่ หรือกระจกแตกเองโดยไม่ทราบสาเหตุ ประกันชั้น 1 จะให้ความคุ้มครอง โดยผู้ประกันภัยสามารถเลือกที่จะซ่อมแซมกระจกทั้งแบบเปลี่ยนเป็นของแท้จากศูนย์บริการหรือซ่อมกับอู่ในเครือบริษัทประกันภัย ซึ่งข้อกำหนดและเงื่อนไขจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบริษัท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประกันชั้น 1 จะครอบคลุมมาก แต่ผู้ถือกรมธรรม์ควรอ่านเงื่อนไขอย่างละเอียด โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “อุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม” และ “ค่าเสียหายส่วนแรก” หรือค่า Excess ที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเองในกรณีเกิดความเสียหาย สารนี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันภัย
ประกัน 2+: คุ้มครองเฉพาะเจาะจง คุ้มค่า คุ้มราคา
สำหรับผู้ที่ต้องการประกันรถยนต์ที่มีเบี้ยประกันภัยคุ้มค่าและให้ความคุ้มครองเฉพาะเจาะจง ประกัน 2+ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยประเภทนี้จะครอบคลุมความเสียหายต่อตัวรถยนต์แบบ “ระบุคู่กรณี” ซึ่งหมายถึงการคุ้มครองในกรณีเกิดอุบัติเหตุกับรถที่มีคู่กรณีที่สามารถระบุตัวตนได้ เช่น รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ นอกจากนี้ยังคุ้มครองชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกด้วย
แล้วประกัน 2+ คุ้มครองกระจกรถยนต์แตกหรือไม่? คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัย” โดยบริษัทประกันภัยหลายแห่งมีการเพิ่มความคุ้มครองพิเศษ “กระจกรถยนต์แตกแบบไม่มีคู่กรณี” เข้ามาในกรมธรรม์ประกัน 2+ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เอาประกันภัยควรตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองให้ดีก่อน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเมื่อมีการเคลมประกัน
สรุป
ทั้งประกันชั้น 1 และประกัน 2+ มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกประกันรถยนต์ประเภทใดจึงขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะการใช้งานของแต่ละบุคคล สิ่งสำคัญคือการศึกษาเงื่อนไขในกรมธรรม์อย่างละเอียด โดยเฉพาะในส่วนของความคุ้มครองกระจกรถยนต์แตก โดยรวมถึงสาเหตุของการแตก จำนวนครั้งที่เคลมได้ต่อปี และวงเงินคุ้มครองสูงสุด เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด
คำแนะนำ: บทความนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ผู้ที่สนใจควรติดต่อบริษัทประกันภัยโดยตรงเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขความคุ้มครอง และเบี้ยประกันภัยที่แท้จริง